ในโลกที่สภาวะสิ่งแวดล้อมเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและแรงกดดันทางสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นทุกวัน การก่อสร้างโยธาในหลายๆ อุตสาหกรรมก็ต้องปรับตัวให้รองรับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อยั่งยืนได้ ในบทความนี้เราจะพูดถึง BREEAM เป็นหนึ่งในมาตรฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในโครงการก่อสร้างโยธาและเหตุผลที่ควรใช้ BREEAM ในโครงการดังกล่าว
BREEAM เป็นมาตรฐานการประเมินความยั่งยืนของอาคารด้านสิ่งแวดล้อมที่ถูกเปิดตัวในปี 1990 โดยสถาบันวิจัยอาคาร (BRE: Building Research Establishment) และถือเป็นหนึ่งในวิธีการประเมินความยั่งยืนที่มีผลกระทบระดับสากลที่สำคัญที่สุด มาตรฐาน BREEAM กำหนดเกณฑ์มาตรฐานสำหรับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการออกแบบ การก่อสร้าง และการดำเนินงานที่ยั่งยืนสำหรับอาคาร โดยการประเมินประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมในหลายๆ ด้าน เช่น พลังงาน ระบบนิเวศ และอื่นๆ
ทำไมควรใช้ BREEAM ในโครงการก่อสร้างโยธา
- ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม BREEAM ส่งเสริมความยั่งยืนในทุกขั้นตอนของโครงการ ช่วยลดรอยเท้าคาร์บอนและสร้างความสมดุลทางนิเวศวิทยาในระยะยาว
- มูลค่าทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น อาคารที่ได้รับการรับรองจาก BREEAM มักโดดเด่นในตลาดและมีโอกาสสูงในการเพิ่มราคาเช่าและมูลค่าทรัพย์สิน
- การประหยัดต้นทุน อาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสามารถช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาว โดยเฉพาะในด้านพลังงาน น้ำ และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
- ความไว้วางใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การรับรอง BREEAM เป็นข้อพิสูจน์ว่าโครงการนี้มุ่งมั่นที่จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนอนาคตของโลก
องค์ประกอบสำคัญของการประเมิน BREEAM รวมถึง
- การจัดการ การพิจารณาแนวทางการจัดการที่ยั่งยืน เช่น การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและการให้ความสำคัญกับข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อม
- สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การพิจารณาปัจจัยที่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย เช่น คุณภาพอากาศ แสงสว่าง และเสียง
- พลังงาน การประเมินการใช้พลังงานของอาคาร มาตรการเพื่อประสิทธิภาพพลังงาน และการบูรณาการแหล่งพลังงานหมุนเวียน
- การขนส่ง การประเมินการเข้าถึงสถานที่ การเชื่อมโยงการขนส่งสาธารณะ และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการปั่นจักรยาน
- น้ำ การตรวจสอบระบบกรองน้ำ มาตรการเพื่อประสิทธิภาพการใช้งานน้ำ และแนวปฏิบัติในการจัดการทรัพยากรน้ำ
- วัสดุ การพิจารณาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของวัสดุก่อสร้าง
- ของเสีย การพิจารณากลยุทธ์การจัดการของเสียในระหว่างขั้นตอนการก่อสร้างและการจัดการกับของเสียระหว่างการใช้งานอาคาร
- การใช้ที่ดินและนิเวศวิทยา การประเมินผลกระทบของโครงการต่อระบบนิเวศในท้องถิ่น และการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ
- มลพิษ การตรวจสอบความรุนแรงของมลพิษประเภทต่างๆ รวมถึงมลพิษทางแสงและเสียง และมาตรการในการบรรเทามลพิษเหล่านี้
แต่ละองค์ประกอบมีเกณฑ์การให้คะแนนที่แตกต่างกัน ซึ่งมีตั้งแต่ “ผ่าน” ไปจนถึง “โดดเด่น“
โครงการ “The Edge”
“The Edge” เป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัท Deloitte ที่ตั้งอยู่ในกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ และถือเป็นหนึ่งในอาคารสำนักงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดในโลก โดยได้รับการยกย่องด้วยคะแนน “โดดเด่น” จาก BREEAM (Building Research Establishment Environmental Assessment Method)
ทำไมโครงการนี้ถึงผ่านเกณฑ์ BREEAM
“The Edge” ได้รับการรับรองจาก BREEAM เนื่องจากความคำนึงถึงความยั่งยืนและการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นหัวใจของโครงการนี้ โดยมีเหตุผลดังนี้
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
- โครงการ “The Edge” ได้มีการวางแนวทางทิศใต้ของอาคารให้เหมาะสม เพื่อให้สามารถรับแสงแดดอย่างเต็มที่ และมีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่ปกคลุมหลังคาและผนังที่หันหน้าไปทางทิศใต้ ทำให้อาคารสามารถใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เพียงพอและไม่ต้องใช้พลังงานเสริมเติม
- ระบบกักเก็บพลังงานความร้อน
- โครงการนี้ใช้ระบบกักเก็บพลังงานความร้อนในชั้นน้ำแข็ง เพื่อให้เป็นแหล่งพลังงานหลักสำหรับการทำความร้อนและความเย็น ทำให้ลดการใช้พลังงานที่มาจากแหล่งพลังงานที่ไม่ใช่พลังงานสะอาด
การจัดการน้ำ
- โครงการนี้มีการรวบรวมน้ำฝนและทำการบำบัดให้บริสุทธิ์ เพื่อใช้ในการกดชักโครกและรดน้ำต้นไม้ นี้ช่วยลดการใช้น้ำจากแหล่งที่มากนอกอาคาร
วัสดุที่ยั่งยืน
- โครงการนี้ใช้วัสดุก่อสร้างที่มีการรับรองว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และวัสดุที่ใช้ในอาคารมีอายุการใช้งานยาวนานและสามารถรีไซเคิลได้ ทำให้ลดการสร้างขยะและใช้ทรัพยากรมากน้อยลง
นวัตกรรมทางเทคโนโลยี
- “The Edge” ใช้แอปสมาร์ทโฟนที่โต้ตอบกับเซ็นเซอร์มากกว่า 28,000 ตัวรอบๆ อาคาร เพื่อช่วยพนักงานในการค้นหาที่จอดรถ โต๊ะทำงาน หรือเพื่อนร่วมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบไฟ LED แบบเชื่อมต่อ
- ระบบไฟในอาคารจ่ายไฟผ่านอินเทอร์เน็ตและเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในอาคาร ทำให้ทุกโคมไฟสามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอุณหภูมิ แสง ความชื้น อินฟราเรด และการเคลื่อนไหว เพื่อควบคุมการเปิดปิดไฟให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
คุณภาพสภาพแวดล้อมภายใน
- การระบายอากาศที่ขับเคลื่อนด้วย CO2 ช่วยให้มั่นใจได้ถึงคุณภาพอากาศบริสุทธิ์ตลอดวัน เรายังควบคุมอุณหภูมิและแสงสว่างในพื้นที่ทำงานแต่ละแห่งอยู่ตลอดเวลา
ระบบการขนส่ง
- โครงการนี้มีที่จอดรถจักรยาน 500 คัน และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า อีกทั้งยังอยู่ใกล้ระบบขนส่งสาธารณะ ทำให้เลือกใช้รถยนต์ส่วนตัวลดลง ลดการปล่อยมลพิษสู่อากาศ และสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
การใช้ที่ดินและนิเวศวิทยา
- มีการติดตั้งหลังคาสีเขียวเพื่อเป็นฉนวนและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าในเมือง และภูมิทัศน์โดยรอบได้รับการออกแบบด้วยพืชพื้นเมืองเพื่อส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพในท้องถิ่น
การออกแบบและการดำเนินงาน
- โครงการ “The Edge” ได้สร้างมาตรฐานสากลใหม่สำหรับสภาพแวดล้อมสำนักงานที่ยั่งยืน และเป็นตัวอย่างที่สำคัญสำหรับการพัฒนาในอนาคต โครงการนี้ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ ทำให้อาคารนี้เป็นตัวอย่างที่สำคัญสำหรับการพัฒนาในอนาคต