การทำเหมือง คือ หนึ่งในอุตสาหกรรมที่จำเป็น และมีมูลค่าสูงที่สุดของโลก ด้วยความจำเป็นของมนุษย์ที่ต้องค้นหาทรัพยากรหรือค้นหาแร่ธาตุหินต่างๆ ดังนั้นการขุดเหมืองจึงมีหลายประเภทมากๆ ในวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับเหมืองประเภทต่างๆ ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร และมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง
การทำเหมืองผิวดิน (Surface Mining)
การทำเหมืองผิวดินเกี่ยวข้องกับการกำจัดชั้นดินและหิน (overburden) เพื่อเข้าถึงแร่ธาตุหรือวัสดุที่อยู่ใกล้พื้นผิวโลก โดยทั่วไปจะใช้กับแร่ธาตุที่ค่อนข้างใกล้กับพื้นผิวและกระจายไปทั่วพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยก็แบ่งแยกย่อยไปอีกหลายประเภท ดังนี้
- การทำเหมืองแบบบ่อเปิด Open-Pit Mining : เป็นรูปแบบการขุดบนพื้นผิวที่แพร่หลายมากที่สุด การขุดแบบบ่อเปิดเกี่ยวข้องกับการขุดหลุมขนาดใหญ่ในพื้นดินเพื่อแยกแร่ เช่นทองแดง ทอง และเหล็ก ซึ่งจะขุดเป็นขั้นบันได้เพื่อให้สามารถเข้าถึงแร่หินได้ง่าย
- การทำเหมืองแบบเปิด Strip Mining : โดยทั่วไปใช้สำหรับถ่านหิน การทำเหมืองแบบเปิดจะขจัดแถบยาวของดินและหิน เพื่อเข้าถึงถ่านหินหรือแร่ธาตุอื่นๆ ได้ง่ายดาย overburden จากแถบใหม่จะถูกนำมาใช้เพื่อเติมลงในแถบก่อนหน้าเพื่อให้ชั้นดินมีความแข็งแรงและง่ายสำหรับการทำงาน
- Mountaintop Removal : ส่วนใหญ่ใช้สำหรับการขุดถ่านหินในพื้นที่ภูเขา วิธีนี้เกี่ยวข้องกับการเอาส่วนบนของภูเขาออกไปให้ถึงตะเข็บถ่านหินด้านล่าง ส่งผลให้ภูมิทัศน์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
- Placer Mining : วิธีนี้เน้นไปที่การสกัดแร่ธาตุจากแหล่งสะสมของลุ่มน้ำ เช่น ก้นแม่น้ำ เทคนิคที่ใช้มีตั้งแต่การร่อนไปจนถึงวิธีการใช้เครื่องจักร เช่น sluice boxes หรือการ dredges ซึ่งมักใช้สำหรับการขุดทอง
การทำเหมืองใต้ดิน (Underground Mining)
การทำเหมืองใต้ดินใช้สำหรับแหล่งแร่ธาตุหรือแร่หินที่สะสมที่อยู่ลึกใต้พื้นผิวโลก มันเกี่ยวข้องกับการสร้างอุโมงค์และปล่องเพื่อไปถึงแหล่งเหล่านั้น โดยใช้วิธีการเหล่านี้
- Room and Pillar Mining : ใช้กันอย่างแพร่หลายในเหมืองถ่านหิน วิธีนี้เกี่ยวข้องกับการขุด “ห้อง” ของแร่ออก โดยปล่อยให้เหลือ “เสา” ของหินไว้ค้ำพื้นที่ วิธีนี้จะทำให้ภายในใต้ดินมีลักษณะเหมือนห้องซึ่งถูกขุดแร่ออกไปหมดแล้ว แต่เหลือเสาไว้เพื่อให้คงสภาพเดิมของพื้นผิว
- Longwall Mining : เป็นรูปแบบที่พัฒนาขึ้นจากการขุดแบบก่อนหน้า การขุดกำแพงยาวเกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องจักรที่เรียกว่า shearer เพื่อเอาผนังแร่ที่ยาวออกเป็นชิ้นเดียว ปล่อยให้หลังคาถล่มลงมาภายหลังเครื่องจักร วิธีการนี้ข้อดีตรงที่รวดเร็วและได้แร่หินออกมาในจำนวนมาก
- Block Caving : เหมาะสำหรับแร่ขนาดใหญ่คุณภาพต่ำ วิธีนี้เกี่ยวข้องกับการทำลายแร่แล้วปล่อยให้พังทลายลงตามน้ำหนักของมันเอง ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทั้งคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ
- Hard Rock Mining : ใช้สำหรับสกัดแร่แข็ง เช่น แร่ที่มีโลหะ ทอง เงิน เหล็ก และทองแดง โดยเป็นการขุดอุโมงค์หรือปล่องลงไปในดินเพื่อเข้าถึงแร่ จากนั้นจึงนำออกไปแปรรูป
การเจาะ (Drilling)
การขุดเจาะเป็นวิธีการที่ใช้สำหรับการสกัดน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก โดยหลักๆ แล้วเกี่ยวข้องกับ
- การขุดเจาะนอกชายฝั่ง Offshore Drilling : ดำเนินการในมหาสมุทรจากแท่นขุดเจาะน้ำมัน ต้องใช้เทคโนโลยีพิเศษในการเจาะบ่อน้ำและสกัดน้ำมันและก๊าซจากใต้ก้นทะเล
- การขุดเจาะบนบก Onshore Drilling : เป็นการขุดเจาะลึกลงไปในดินบนบกเพื่อเข้าถึงน้ำมันหรือก๊าซสำรอง จากนั้นทรัพยากรที่แยกออกมาจะถูกขนส่งผ่านท่อหรือรถบรรทุกเพื่อนำไปแปรรูป
สุดท้ายนี้ เราขอแนะนำ การอบรม JSA (Job Safety Analysis) ซึ่งเป็นกระบวนการทางวิศวกรรมที่ใช้ในการประเมินความเสี่ยงและความปลอดภัยของงานที่ทำในสถานที่ทำงาน โดยการศึกษาและวิเคราะห์ขั้นตอนของงานเพื่อระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและหาวิธีป้องกันหรือลดความเสี่ยงนั้นให้มีประสิทธิภาพ
การที่นายจ้างจัดให้มีการอบรม JSA มีความสำคัญอย่างมากในการส่งเสริมการทำงานที่ปลอดภัย โดยช่วยให้ทุกคนที่เข้าทำงานในสถานที่ทำงานมีความเข้าใจและตระหนักถึงความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัย นอกจากนี้ยังช่วยในการพัฒนามาตรการป้องกันและวิธีการปฏิบัติที่ปลอดภัยในการทำงาน เช่น การใช้อุปกรณ์ป้องกัน การจัดวางองค์ประกอบงาน