การตรวจสอบด้วย การปล่อยคลื่นเสียง หรือ Acoustic Emission Testing มีวิธีการอย่างไร
Acoustic Emission Testing (AET) เป็นเทคนิคการตรวจสอบแบบไม่ทำลาย โดยจะมี การปล่อยคลื่นเสียง เข้าไปในวัตถุที่ต้องการตรวจสอบ จากนั้นเซ็นเซอร์ซึ่งจะตรวจจับคลื่นความเค้น หรือที่เรียกว่า Stress wave ที่เกิดจากการเสียรูปหรือความเสียหายของวัตถุ แล้วนำคลื่นความเค้นนั้นไปวิเคราะห์ในซอฟแวร์
คลื่นความเค้นหรือการปล่อยเสียงเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อวัสดุได้รับความเครียดซึ่งมักจะเกิดจากการที่วัตถุมีความตึงเกินไป หนักเกินไป หรือผิดธรรมชาติ เช่น บุบ แตก ส่งผลให้เกิดการปลดปล่อยพลังงานยืดหยุ่น ทรานสดิวเซอร์ที่วางอยู่บนพื้นผิวของวัตถุจะตรวจจับคลื่นความเค้นเหล่านี้และแปลงพลังงานกลเป็นสัญญาณไฟฟ้าสำหรับการวิเคราะห์ผ่านทางซอฟแวร์นั่นเอง
ข้อดีของการตรวจสอบด้วยเทคนิค AET
- ได้ผลลัพธ์แบบเรียลไทม์ : เทคนิค AET ช่วยให้สามารถตรวจสอบโครงสร้างได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถตรวจจับและลดโอกาสเกิดปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
- ใช้งานได้ในทุกพื้นผิว : การทดสอบด้วยเทคนิค AET นั้นสามารถทำได้บนพื้นผิวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวทาสี พื้นผิวเคลือบ พื้นผิวทุกวัสดุ ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีการเตรียมพื้นผิวที่ยุ่งยากก่อนเริ่มตรวจสอบ
- ไม่ทำลายวัตถุ : AET ไม่ทำให้วัตถุที่กำลังตรวจสอบเสียหาย รักษาความสมบูรณ์และยืดอายุการใช้งาน
- ใช้งานได้หลากหลาย : AET เหมาะสำหรับวัสดุและโครงสร้างที่หลากหลาย รวมถึงโลหะ วัสดุผสม และคอนกรีต
ส่วนประกอบสำคัญของระบบทดสอบ AET
- ทรานสดิวเซอร์ : เซ็นเซอร์ที่ตรวจจับการปล่อยคลื่นเสียงและแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้า
- ปรีแอมป์ : อุปกรณ์ที่เพิ่มสัญญาณไฟฟ้าเพื่อการวิเคราะห์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น
- ระบบเก็บข้อมูล : ฮาร์ดแวร์ที่รวบรวมและจัดเก็บสัญญาณไฟฟ้าจากปรีแอมป์
- ซอฟต์แวร์การวิเคราะห์ : ซอฟต์แวร์ที่ประมวลผลและตีความข้อมูลที่รวบรวมโดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อบกพร่องที่ตรวจพบ ซอฟแวร์แต่ละตัวก็จะแตกต่างกันออกไปตามจุดประสงค์การใช้งาน
กระบวนการทดสอบด้วยเทคนิค AET
- การเตรียมพื้นผิว : พื้นผิวของวัตถุจะต้องได้รับการทำความสะอาดและเตรียมพร้อมสำหรับการจัดวางทรานสดิวเซอร์
- การจัดวางทรานสดิวเซอร์ : ทรานสดิวเซอร์ถูกวางตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ บนพื้นผิวของวัตถุเพื่อดักจับการปล่อยคลื่นเสียง
- การเก็บข้อมูล : ระหว่างที่ระบบ AET ตรวจสอบวัตถุ ซอฟต์แวร์ก็จะรวบรวมข้อมูลจากทรานสดิวเซอร์
- การวิเคราะห์ข้อมูล : ข้อมูลที่รวบรวมจะได้รับการวิเคราะห์โดยใช้ซอฟต์แวร์พิเศษ ระบุตำแหน่งและความรุนแรงของข้อบกพร่องที่ตรวจพบ
การใช้งาน AET ในอุตสาหกรรมต่างๆ
- การตรวจสอบภาชนะรับความดันและถังเก็บ : AET ใช้เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของภาชนะรับความดันและถังเก็บ ตรวจจับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น รอยแตกและการกัดกร่อน ลดโอกาสเกิดปัญหาร้ายแรงที่อาจจะตามมา
- การตรวจสอบความสมบูรณ์ของโครงสร้าง : สามารถใช้ AET เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของโครงสร้าง เช่น สะพาน อาคาร และท่อส่ง โดยระบุข้อบกพร่องและพื้นที่ที่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติม
- การทดสอบความล้า : AET สามารถตรวจจับข้อบกพร่องที่เกี่ยวข้องกับความล้าในวัตถุต่างๆ ซึ่งสำคัญอย่างมาก เพราะความล้านั้นเป็นภัยเงียบที่มองไม่เห็นได้ด้วยตา ทำให้การตรวจสอบด้วยเทคนิค AET จะช่วยให้คุณสามารถมองเห็นปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้และแก้ไขทันเวลา
- การตรวจสอบวัสดุผสม : AET มีประสิทธิภาพอย่างมากในการตรวจจับข้อบกพร่องในวัสดุผสม เช่น การหลุดร่อนและการแตกร้าว
จุดพิจารณาในการใช้งานเทคนิค AET
- ถูกรบกวนง่าย : เสียงรบกวนพื้นหลังและปัจจัยอื่นๆ อาจรบกวนการตรวจจับการปล่อยเสียง ซึ่งอาจส่งผลต่อความแม่นยำของผลการทดสอบ ดังนั้นจะต้องทำให้แน่ใจว่าระหว่างการตรวจสอบไม่มีสัญญาณรบกวน
- การตีความข้อมูล : การตีความข้อมูล AET ต้องใช้ความรู้และความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งอาจไม่พร้อมใช้งานในทุกองค์กร
-
AET คือ อีกหนึ่งเทคนิคที่มีข้อดีในหลายๆ ด้าน ในเรื่องของอุปกรณ์การใช้งานก็มีราคาที่ไม่แพงมากเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ ดังนั้นอย่าลืมศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับ AET เพื่อพัฒนาการตรวจสอบที่ดียิ่งขึ้น